รู้จักใช้
รู้จักออม
ตอน
หากำไรจากบัตรเครดิต
บทความนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว
ปัจจุบันคนไทยเริ่มนิยมใช้บัตรเครดิตมากขึ้น
และหลายคนก็เป็นหนี้จากบัตรเครดิตมากขึ้นเช่นกัน
ในความจริงแล้วผู้ที่เหมาะจะใช้บัตรเครดิตคือผู้ที่รู้จักบริหารเงินเป็น
วันนี้เราจะมาอธิบายวิธีการบริหารเงินจากบัตรเครดิตกัน
 |
ต้องรู้จักการบริหารเงิน |
การบริหารเงินนั้น
เราต้องเริ่มจากจากการบริหารรายจ่ายของเราก่อน
ซึ่งก็มีสมการง่ายๆที่สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวันนั้นคือ
รายได้
– เงินออม = ค่าใช้จ่าย
เช่น
คุณมีเงินเดือน 15,000 บาท คุณต้องการออมเงิน เดือนละ 5,000 บาท
ดังนั้นสมการคือ รายได้(15,000) – เงินออม(5,000) =
ค่าใช้จ่าย(10,000)
สรุป
คุณมีวงเงินสำหรับใช้จ่ายเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งแน่นอนว่าบางเดือนคุณอาจจะใช้ไม่ถึง
10,000 บาท
คุณก็สามารถนำเงินส่วนที่เหลือสะสมไว้ใช้เป็นส่วนของค่าใช้จ่ายเดือนถัดไปหรือจะนำไปลงทุนก็ตาม
เช่น
เดือนแรก คุณมีค่าใช้จ่ายเพียง 6,000 บาท ดังนั้นคุณมีเงินเหลือ 4,000 บาท
ถ้าคุณเลือกนำเงินจำนวนดังกล่าวสะสมเพื่อไว้ซื้อขอรอบถัดไป
เดือนที่สองคุณก็จะมีเงินสำหรับใช้จ่ายถึง
10,000 + 4,000 =
14,000 บาท เลยทีเดียว
ส่วนเรื่องการใช้จ่ายจากบัตรเครดิตนั้น
เริ่มจากการเปิดบัตรเครดิตควรเปิดที่กี่ใบ?
จำนวนบัตรที่เหมาะสมคือ
3 ใบ
เช่น
วันที่ตัดยอดเงิน วันครบกำหนดจ่าย
ใบที่
1 วันที่ 10 วันที่ 30
ใบที่
2 วันที่ 20 วันที่ 10
ใบที่
3 วันที่ 30 วันที่ 20
วันไหนควรใช้บัตรใบไหน
1.ควรดูว่าโปรโมชั่นของบัตรเครดิตใดร่วมรายการสินค้าที่เราจะซื้อ
เพราะส่วนใหญ่นอกจากได้รับส่วนลดเปอร์เซ็นแล้วอาจจะมีโปรอื่นๆก็เป็นได้
2.หากไม่มีบัตรใดร่วมโปรโมชั่น
วันที่ 1-10
ให้ใช้บัตรเครดิตใบที่ 3
วันที่
11-20 ให้ใช้บัตรเครดิตใบที่ 1
วันที่
21-30 ให้ใช้บัตรเครดิตใบที่ 2
เช่น
ถ้าเราใช้บัตรเครดิตวันที่
1/06/13(ให้ใช้บัตรเครดิตใบที่ 3)
จะตัดยอดวันที่ 30/06/13
และชำระเงินวันที่ 20/07/13
ดังนั้นถือว่าเงินยังอยู่ที่เรา
50 วัน
ตัวอย่าง
กรณีเราซื้อทีวี ราคา 100,000 บาท
ในระยะเวลา
50 วัน เราสามารถนำเงินดังกล่าวไปเพิ่มมูลค่า ได้อย่างไร
ถ้าวิธีธรรมดาและง่ายสุดๆ ก็คือ
ฝากธนาคาร
อัตราดอกเบี้ย(TMB แบบฝากไม่ประจำ) 2.75%
*คำนวณโดยประมาณ*
100,000.00
|
2,750.00
|
/ปี
|
|
229.17
|
/เดือน
|
เงินต้น
|
7.64
|
/วัน
|
|
381.94
|
/50วัน
|
ดังนั้น
คุณจะได้เงินจากดอกเบี้ยมา 381.94 บาท
และหากคุณรูดบัตรผ่าน
SCB family
plus คุณจะได้รับเงินคืน 1% ทุกการใช้จ่าย
คุณก็ได้ส่วนลดอีก
1,000 บาท
สรุป
ถ้าคุณใช้บัตรSCB
รูดซื้อทีวีวันที่ 1 คุณจะได้เงินคืน 1,000 + 381.94 = 1,381.94 บาท โดยประมาณ
คุณจะซื้อทีวีเพียง
98,618.06 บาท โดยประมาณ
แต่ในความเป็นจริง
หากคุณซื้อทีวีราคา 100,000 บาทแล้วนั้น มักจะโปรผ่อน 0%
ถ้าผ่อน
0% ควรผ่อนหากเทียบกับตารางด้านบนเราจะเห็นตัวเลขที่ชัดเจนว่า ถ้า 0%
ทำไมเราถึงควรผ่อน
อัตราดอกเบี้ย(TMB แบบฝากไม่ประจำ) 2.75%
*คำนวณโดยประมาณ*
เดือนที่ 1
|
100,000.00
|
229.17
|
เดือนที่ 2
|
90,000.00
|
206.25
|
เดือนที่ 3
|
80,000.00
|
183.33
|
เดือนที่ 4
|
70,000.00
|
160.42
|
เดือนที่ 5
|
60,000.00
|
137.50
|
เดือนที่ 6
|
50,000.00
|
114.58
|
เดือนที่ 7
|
40,000.00
|
91.67
|
เดือนที่ 8
|
30,000.00
|
68.75
|
เดือนที่ 9
|
20,000.00
|
45.83
|
เดือนที่ 10
|
10,000.00
|
22.92
|
|
รวม
|
1,260.42
|
ดังนั้น
คุณจะได้เงินจากดอกเบี้ยมา 1,260.42 บาท
และหากคุณรูดบัตรผ่าน
SCB family
plus คุณจะได้รับเงินคืน 1% ทุกการใช้จ่าย
คุณก็ได้ส่วนลดอีก
1,000 บาท
สรุป
ถ้าคุณใช้บัตรSCB
รูดซื้อทีวีวันที่ 1 คุณจะได้เงินคืน 1,000 + 1,260.42 = 2,260.42 บาท โดยประมาณ
คุณจะซื้อทีวีเพียง
97,739.58 บาท โดยประมาณ
หากคุณผ่อน
คุณจะได้เงินเพิ่มขึ้น
2,260.42
- 1,381.94 =
878.48 บาท
นี้เป็นเพียงตัวอย่างง่ายๆ
แต่หากคุณนำเงินไปลงทุนในสิ่งที่มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นคุณอาจจะได้กำไรสูงขึ้นหรือ
ขาดทุนก็เป็นได้
การลงทุนมีความเสี่ยง
โปรดศึกษาก่อนลงทุน
สรุป วิธีดังกล่าวหากคุณไม่มีระบบระเบียบในการใช้เงินก็ไม่ควรสมัครบัตรเครดิต