.
สำหรับใครที่ไม่มีเวลาดูคลิป (เพราะคลิปแอบยาวมากกกก)
เอาเป็นว่าแนทสรุปให้ฟังสั้นๆนะคะ
ก่อนอื่นต้องบอกว่าตัวเครื่องที่นำมาทดสอบนั้น
iPhone 5S จะเป็นรุ่น 16GB
iPhone SE จะเป็นรุ่น 64GB
โดยทั้งคู่ได้ทำการลงแอพเหมือนกัน
เนื่องจากได้ทำการ Backup ย้ายข้อมูลมา
แต่ในตัว iPhone SE จะมีแอพอยู่มากกว่า เพราะมีการติดตั้งเพิ่มเติม
ดังนั้น สำหรับเพื่อนๆที่ใช้ iPhone 5S แล้วกำลังจะเปลี่ยนมาใช้ iPhone SE
จะได้ประสบการณ์การใช้งานใกล้เคียงกันอย่างแน่นอน
เริ่มจากเรื่อง body
เนื่องจากมีการใช้ body เดิม
จึงทำให้ในมีความเหมือนเดิมในทุกๆด้าน ทุกๆมุมมอง
ใช้เคสเดิมได้อย่าง 100 เปอร์เซ็นต์
แต่มีสิ่งที่ต่างไปสองจุดคือ ตัว iPhone SE จะมีสีชมพู
และมีเขียนคำว่า SE อยู่บริเวณข้างล่างด้านหลังเครื่อง
ถัดมาเรื่องของสเปก
มีการใช้ ชิพ A9 ตัวเดียวกับใน iPhone 6S
ซึ่งทำให้ตัว iPhone SE มีความเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเครื่อง หรือการเปิดแอพต่างๆ
(สามารถชมการทดสอบได้ในคลิป)
รวมถึงตัว Touch ID แม้จะเป็นรุ่นแรก
ก็สามารถทำงานได้เร็วว่าตัว iPhone 5S อีกด้วย
ในเรื่องของกล้อง
กล้องหลังความละเอียดเพิ่มมาเป็น 12 ล้านพิกเซล(จาก 8 ล้านพิกเซล)
และรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K
จากที่ทดสอบ หากไม่มาซูม นั่งสังเกต
ภาพที่ได้ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยยะ
แต่การถ่ายในที่แสงน้อย iPhone SE สามารถทำได้ดีกว่าเพียงเล็กน้อย
ความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ iPhone SE โฟกัสได้อย่างรวดเร็ว
เช่น เวลาเราหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปสำหรับ iPhone 5S จะมีกรอบเหลืองขึ้นมา
เราจะต้องรอให้กล้องโฟกัสก่อน ส่วน iPhone SE สามารถโฟกัสภาพได้อย่างทันที
กล้องหน้า แม้มีความละเอียดเท่าเดิม
แต่ก็มีความสามารถใหม่ซ่อนอยู่นั้นคือ iPhone SE มาพร้อมแฟลชที่กล้องหน้า
(เป็นการทำงานโดยใช้แสงสว่างจากหน้าจอ มีแอพอื่นทดแทนได้)
ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจน คือจะทำให้ได้ภาพที่ได้มีความเหลืองลดลง และคมชัดมากขึ้น
อีกทั้งสามารถนำไปแต่งรูปต่อในแอพอื่นๆ ทำให้ได้ภาพที่มีความคมขึ้นอีกด้วย
และสุดท้าย
เราเรียกสามารถ siri โดยไม่ต้องชาร์จแบตอยู่ได้แล้ว
#จบข่าว
.
